แก้วมังกร

แก้วมังกร
แก้วมังกรมีต้นกำเนิดมาจากไหน
แก้วมังกรมีต้นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกากลาง โดยพบหลักฐานทางโบราณคดีที่บ่งชี้ว่า แก้วมังกรถูกนำมาปลูกในเม็กซิโกตั้งแต่ 500 ปีก่อนคริสตกาล แก้วมังกรแพร่กระจายไปยังทวีปเอเชียโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศส เมื่อประมาณ 100 ปีมาแล้ว โดยปลูกมากตามแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเมืองญาตรังไปจนถึงไซ่ง่อน

ในปัจจุบัน แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมปลูกและรับประทานกันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย แก้วมังกรมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hylocereus undatus เป็นพืชในวงศ์ Cactaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับกระบองเพชร แก้วมังกรเป็นพืชไม้เลื้อย ลำต้นมีสีเขียว ลำต้นจริงอยู่ภายใน ที่เห็นเป็นลำต้นสามแฉก ส่วนผิวสีเขียวซึ่งแปลงรูปมาจากใบนั้นเป็นลำต้นเทียม ดอกแก้วมังกรมีขนาดใหญ่ สีขาว หรือสีชมพู ผลแก้วมังกรมีรูปร่างคล้ายมังกร เปลือกผลมีสีแดงอมชมพู หรือสีเหลือง เนื้อผลมีสีขาว สีชมพู หรือสีแดง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ มีเมล็ดสีดำขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วเนื้อผล แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินซี โพแทสเซียม และใยอาหาร แก้วมังกรมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว นิยมรับประทานสด หรือนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู
แก้วมังกรมีกี่สายพันธุ์
แก้วมังกรมีสายพันธุ์ที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับลักษณะของเปลือกผลและเนื้อผล โดยทั่วไปแล้ว แก้วมังกรสามารถแบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์หลักๆ ตามลักษณะของเปลือกผลและเนื้อผล ดังนี้
- สายพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง เป็นสายพันธุ์ที่พบได้มากที่สุดในประเทศไทย เปลือกผลมีสีแดงอมชมพู เนื้อผลมีสีขาว รสชาติหวานอมเปรี้ยว
- สายพันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง เปลือกผลมีสีเหลือง เนื้อผลมีสีขาว รสชาติหวาน
- สายพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง เปลือกผลมีสีแดงสด เนื้อผลมีสีแดง รสชาติหวาน


นี้เป็นตัวอย่างสายพันธุ์แก้วมังกรที่นิยมปลูกในประเทศไทย
- พันธุ์เบอร์ 100 เป็นสายพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง นิยมปลูกมากที่สุดในประเทศไทย มีลักษณะลำต้นแข็งแรง ให้ผลผลิตดี
- พันธุ์ไต้หวัน เป็นสายพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง รสชาติหวาน ติดผลดก เก็บได้นาน
- พันธุ์ทับทิมสยาม เป็นสายพันธุ์เนื้อสีแดงชมพู รสชาติหวานอมเปรี้ยว
- พันธุ์พิ้งกี้ช้อยซ์ เป็นสายพันธุ์เนื้อสีชมพู รสชาติหวาน
- พันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลืองอิสราเอล เป็นสายพันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง รสชาติหวาน หอม คล้ายลิ้นจี่
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย ทนทานต่อสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง จึงเป็นที่นิยมปลูกเชิงการค้าในหลายประเทศทั่วโลก
การปลูกแก้วมังกร
แก้วมังกรเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนทานต่อสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง นิยมปลูกในเขตร้อนและเขตอบอุ่น สามารถปลูกได้ทั้งในแปลงดินและกระถาง
การปลูกในแปลงดิน
การเตรียมแปลงปลูกแก้วมังกร ควรขุดดินให้ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไป ปรับสภาพดินให้ระบายน้ำได้ดี ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 2.5 x 2.5 เมตร ปลูกต้นแก้วมังกรลงในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ กลบดินให้แน่น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
การปลูกในกระถาง
แก้วมังกรสามารถปลูกในกระถางได้ โดยใช้กระถางขนาด 20-30 นิ้ว ใส่ดินร่วนผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ปลูกต้นแก้วมังกรลงในกระถาง แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
การดูแลรักษา
แก้วมังกรต้องการแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน ต้องการน้ำปริมาณปานกลาง ควรรดน้ำให้ดินชุ่ม แต่อย่าให้แฉะเกินไป ควรใส่ปุ๋ยบำรุงต้นทุก 2-3 เดือน โดยใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือปุ๋ยสูตร 16-16-16

การออกดอกและติดผล
แก้วมังกรจะเริ่มออกดอกเมื่ออายุประมาณ 6-8 เดือน ดอกแก้วมังกรจะบานในตอนกลางคืน และจะเหี่ยวและร่วงไปภายใน 1-2 วัน หากดอกได้รับการผสมเกสร จะกลายเป็นผลที่มีกลีบเลี้ยงหุ้ม ผลแก้วมังกรจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน กว่าจะสุก
การเก็บเกี่ยว
แก้วมังกรจะสุกเมื่อเปลือกผลเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีเหลือง ผลแก้วมังกรที่สุกจะมีกลิ่นหอม เนื้อผลมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เก็บเกี่ยวผลแก้วมังกรโดยตัดขั้วผลออก แล้วใส่ถุงพลาสติกเพื่อรักษาความสดและป้องกันการกระแทก
โรคและแมลงศัตรู
แก้วมังกรอาจพบปัญหาโรคและแมลงศัตรูได้ เช่น โรคราแป้ง โรคราสนิม โรคราน้ำค้าง เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย หนอนเจาะผล เป็นต้น ควรหมั่นตรวจดูต้นแก้วมังกรอย่างสม่ำเสมอ หากพบปัญหาควรรีบแก้ไขโดยเร็ว
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม : fruitylove
อ่านบทความเกี่ยวกับผลไม้ได้ที่ : ผลไม้ป้องกันมะเร็ง