fruitylover.com

สับปะรด (Pineapple)

สับปะรด8

สับปะรด (Pineapple)

ประวัติความเป็นมาของสับปะรด

สับปะรดเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากบริเวณทวีปอเมริกาใต้ ลำต้นมีขนาดสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร การปลูกสามารถปลูกได้ง่ายโดยการฝังกลบหน่อหรือส่วนยอดของผลที่เรียกว่า “จุก” ซึ่งเป็นการพาเลทของสับปะรด และ เปลือกของผลสับปะรดภายนอกมีลักษณะคล้ายตาล้อมรอบผล ซึ่งสับปะรด เป็นผลไม้ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และ เป็นอันดับสามของโลก โดยรัฐฮาวายเป็นแหล่งเพาะปลูกสับปะรดที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 2016 คอสตาริกา บราซิล และ ฟิลิปปินส์มีสัดส่วนการผลิตสับปะรดเกือบ 1 ใน 3 ของโลกกันเลยที่เดี่ยว

สับปะรด2

ซึ่งแต่ละท้องถิ่นในประเทศไทยมีการเรียกชื่อสับปะรดแตกต่างกัน ตามภูมิภาค เช่น ในภาคกลางเรียกว่า “สับปะรด” ในภาคอีสานเรียกว่า “บักนัด” หรือ “หมากนัด” ในภาคเหนือเรียกว่า “บะนัด”, “บะขะนัด”, “บ่อนัด” และในภาคใต้มีการเรียกชื่อและนามสกุลของสับปะรดที่หลากหลาย เช่น “สัปรด”, “ย่านัด”, “หย่านัด”, “ย่านนัด”, “ขนุนทอง”, “มะลิ” และอื่น ๆ
(โดยบางครั้งเกิดจากความเป็นอยู่ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณที่มีการเผยแพร่และค้าขายสับปะรดระหว่างประเทศ และ ทวีป)

ประโยชน์ต่อสุขภาพของสับปะรด

สับปะรดอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินบี 6 โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแมกนีเซียม สับปะรดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระเป็นสารที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย และจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่น มลพิษ แสงแดด การสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์

ประโยชน์ต่อสุขภาพของสับปะรด ได้แก่

  • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • ช่วยป้องกันโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
  • ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
  • ช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบ
  • ช่วยย่อยอาหาร
  • ช่วยบำรุงผิวพรรณ
  • ช่วยรักษาแผล
สับปะรด1

การบริโภคสับปะรดยังช่วยเพื่อ เอนไซม์บรอมีไลน์ , วิตามินซี  , ซีนอนซี่ มีดังนี้

สับปะรด3
สับปะรด4
  • เอนไซม์บรอมีไลน์ : เป็นเอนไซม์ที่มีฤทธิ์ช่วยย่อยโปรตีนในอาหาร ทำให้อาหารย่อยง่ายขึ้นและช่วยลดอาการอักเสบของเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจช่วยลดอาการบวมและอาการอักเสบที่เกิดขึ้นในระบบของลำไส้หรือระบบเม็ดเลือดแดงเมื่อเกิดการอักเสบ  
  • วิตามินซี : สับปะรดเป็นแหล่งที่มาของวิตามินซีที่มีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินซีเป็นตัวช่วยในกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อ ผิวหนัง กระดูก ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย  
  • ซีนอนซี่ : ซีนอนซี่เป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการสร้างเอนไซม์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระภายในร่างกาย อนุมูลอิสระเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถทำลายเซลล์และส่วนประกอบของเซลล์ การรับประทานซีนอนซี่อยู่ในระดับที่เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันภูมิคุ้มกันร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ  

การบริโภคสับปะรดอย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอในอาหารจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายในหลากหลายด้าน อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการบริโภคสับปะรดหากคุณมีการแพ้สารเคมีที่อยู่ในสับปะรด เช่น บรอมีไลน์ หรือถ้าคุณมีปัญหาทางการแพทย์เกี่ยวกับการสังเคราะห์เอนไซม์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเพิ่มสับปะรดเข้าไปในเมนูอาหารของคุณ

วิธีเลือกสับปะรดที่สด

สับปะรด7

การเลือกสับปะรดที่สดและสุกนั้นเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้รสชาติและความหอมของผลไม้ที่ดีที่สุด นี่คือ

วิธีการเลือกสับปะรดที่สด 

  1. ดูที่สีของผิว: สับปะรดที่สุกจะมีผิวสีออร์คิดที่เข้มข้นและมีสีสันเหมือนครีมหรือสีเหลืองอ่อน ควรหลีกเลี่ยงสับปะรดที่มีสีสันเปลี่ยนแปลงหรือมีจุดดำหรือคราบเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ผิว เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณว่าสับปะรดนั้นกำลังเน่าหรือไม่สด  
  2. สัมผัสผิว: สัมผัสผิวสับปะรด ควรรู้สึกว่ามันกระชับและไม่มีคราบนอยู่บนผิว เนื่องจากสับปะรดที่สุกจะมีผิวแข็งแรงและหนา  
  3. มีกลิ่นหอม: กลิ่นของสับปะรดที่สุกจะหอมหวานและหอมอ่อนๆ ควรหลีกเลี่ยงสับปะรดที่มีกลิ่นไม่สดหรือมีกลิ่นแปลกปลอม  
  4. ตรวจสอบใบสับปะรด: การตรวจสอบใบสับปะรดสามารถทำได้โดยการดูขอบใบที่มีจุดสีส้มอยู่บนใบ หากใบมีรอยขาดหายของสีส้ม อาจเป็นสัญญาณว่าสับปะรดนั้นอาจถูกเก็บรักษานานเกินไป  
  5. น้ำหนักของสับปะรด: ควรถือสับปะรดในมือและรู้สึกน้ำหนักว่าเบาหรือหนักเท่ากัน ถ้าสับปะรดมีน้ำหนักไม่พอดีอาจหมายความว่ามีน้ำมากหรือน้อยเกินไป  

ไม่มีร่องรอยและคราบตามผล: ควรเลือกสับปะรดที่ไม่มีร่องรอยและคราบตามผล เพราะนอกจากจะมีผลกระทบต่อความสดของผลไม้แล้ว การที่มีคราบหนาๆ อาจเป็นสัญญาณว่ามีเชื้อราหรือสิ่งแปลกปลอมบางอย่างอาจเกิดขึ้นกับผลไม้

วิธีเก็บรักษาสับปะรด

สับปะรด6

สับปะรดสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานประมาณ 1 สัปดาห์ที่อุณหภูมิห้อง หากต้องการเก็บรักษาไว้นานขึ้น ควรเก็บไว้ในตู้เย็น หรือ

  1. ลดออกซิเดชั่น: เก็บรักษาสับปะรดในที่ที่เย็นและมีอากาศถ่ายเทให้ได้น้อยลง จะช่วยลดออกซิเดชั่นที่สับปะรดเกิดขึ้น ออกซิเดชั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลไม้เน่าและเสื่อมสภาพได้รวดเร็ว  
  2. ไม่รวมกับผลไม้อื่น: การเก็บสับปะรดในถุงหรือกล่องพร้อมกับผลไม้อื่น ๆ อาจทำให้สับปะรดได้รับแก๊สที่มาจากผลไม้อื่น ทำให้สับปะรดส่วนตัวเสียหายและเน่าได้รวดเร็วขึ้น  เก็บในสภาพแวดล้อม
  3. ที่ไม่มีความชื้นสูง: ควรหลีกเลี่ยงการเก็บสับปะรดในที่ที่มีความชื้นสูง เพราะความชื้นสูงอาจทำให้สับปะรดมีแอร์และการคลายน้ำมาก และนำไปสู่การเสียหายของผลไม้  
  4. ใช้ห่อใบสับปะรด: หากต้องการเก็บรักษาสับปะรดในระยะยาวนาน สามารถใช้ใบสับปะรดในการห่อผลไม้เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ และลดออกซิเดชั่น
  5. ไม่เก็บนานเกินไป: สับปะรดเป็นผลไม้ที่ไม่ควรเก็บเกินระยะเวลานาน ควรบริโภคในช่วงเวลาใกล้เคียงหลังจากการเก็บ โดยเฉพาะหากสับปะรดไม่ได้เก็บในที่เย็นและมีความชื้น

วิธีทำอาหารจากสับปะรด

สับปะรด 9

สับปะรดเป็นผลไม้ที่ versatile มาก สามารถใช้ทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น  

  • สับปะรดสด 
  • น้ำสับปะรด 
  • เยลลี่สับปะรด 
  • แยมสับปะรด 
  • ไอศกรีมสับปะรด 
  • เค้กสับปะรด
  • พายสับปะรด 
  • สับปะรดแกง 
  • สับปะรดผัด 
  • สับปะรดย่าง 

สับปะรดเป็นผลไม้ที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ รับประทานสับปะรดเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ

สับปะรด
ต้นสับปะรด
ผลไม้ตามฤดูกาล
ผลไม้ฤดูร้อน
ผลไม้ฤดูฝน
ผลไม้ฤดูหนาว
แกงสับปะรด
เค้กสับปะรด
พายสับปะรด
ไอติมสับปะรด
รูปภาพสับปะรด
สวนสับปะรด
วิธีการปลูกสับปะรด
วิธีการดูแลสับปะรด
วิธีเก็บเกี่ยวสับปะรด
สับปะรดมีประโยชน์อะไรบ้าง
ประวัติความเป็นมาของสับปะรด
สับปะรดมีกี่ตา

สับปะรดคือ

สับปะรดภูแล

สับปะรดมีกี่สายพันธุ์

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม : fruitylove
อ่านบทความเกี่ยวกับผลไม้ได้ที่ : กีวี่

โฟสที่เกี่ยวข้อง